สุขภาพเหงือกและฟัน เป็นหนึ่งในพื้นฐานของรอยยิ้มที่มั่นใจ หลายคนมักสงสัยว่า “ควรไปตรวจฟันบ่อยแค่ไหนถึงจะพอ?” คำตอบไม่ได้เจาะจงเท่าไหร่นัก เพราะความถี่ในการพบทันตแพทย์ขึ้นอยู่กับอายุ พฤติกรรมสุขภาพ และปัจจัยเสี่ยงเฉพาะบุคคล
บทความนี้จะช่วยคุณวางแผนการดูแลสุขภาพช่องปากให้เหมาะสมกับวัย พร้อมกับเจาะลึกปัญหาฟันที่พบบ่อยในแต่ละ Gen (Generation) เพื่อให้คุณดูแลฟันได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น
คำแนะนำเรื่องความถี่ในการตรวจฟัน เพื่อสุขภาพเหงือกแข็งแรงทุก Generation
ควรพบทันตแพทย์บ่อยแค่ไหน?

1. ทุก 6 เดือน : สำหรับคนทั่วไป (Standard Recommendation)
สำหรับคนทั่วไปตามคำแนะนำของ สมาคมทันตกรรมอเมริกัน (ADA) และทันตแพทย์ทั่วโลก แนะนำให้ตรวจสุขภาพช่องปาก และขูดหินปูนอย่างน้อยทุก 6 เดือน เพื่อป้องกันฟันผุ คราบหินปูน และตรวจหา โรคเหงือก ในระยะแรกเริ่ม
2. ทุก 3 – 4 เดือน : สำหรับกลุ่มเสี่ยงสูง (High-Risk Individuals)
สำหรับกลุ่มเสี่ยงสูง ผู้ที่มีความเสี่ยง เช่น ผู้ที่สูบบุหรี่ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคเหงือก ผู้ที่มีฟันโยก หรือ เคยผ่าตัดเหงือก ควรตรวจสุขภาพช่องปากบ่อยขึ้นเพื่อติดตามอาการ และป้องกันโรคเหงือกไม่ให้ลุกลาม
3. ปีละครั้ง : สำหรับกลุ่มที่ดูแลช่องปากดีเยี่ยม (Low-Risk Individuals)
สำหรับกลุ่มที่ดูแลช่องปากดีเยี่ยม หากคุณมีสุขภาพเหงือกดี ฟันแน่นแข็งแรง และมีพฤติกรรมการแปรงฟัน ใช้ไหมขัดฟันที่ดีเป็นประจำ อาจพบทันตแพทย์เพียงปีละครั้ง แต่ควรให้ทันตแพทย์เป็นผู้พิจารณาเป็นรายบุคคล ( คลิกจองคิวปรึกษาตอนนี้ )
ปัญหาฟันที่พบบ่อยในแต่ละช่วงวัย Generation

การเข้าใจปัญหาฟันตามช่วงวัยช่วยให้เราวางแผนการดูแลช่องปากได้เหมาะสมและตรงจุดมากขึ้น
1. วัยรุ่น Gen Z (ช่วงอายุ 10 – 25 ปี)
ปัญหาที่พบบ่อย : ฟันคุด, ฟันซ้อนเก หรือ ปัญหาในการเรียงตัวของฟัน ฟันผุจากขนมหวาน และน้ำอัดลม เหงือกอักเสบจากการละเลยการแปรงฟันที่ถูกต้อง ถูกวิธี
คำแนะนำ: ควรพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน โดยเฉพาะหากอยู่ระหว่างการจัดฟัน ต้องติดตามการเคลื่อนตัวของฟันทุก 1–2 เดือนตามนัด
2. วัยทำงาน Millennials / Gen Y (ช่วงอายุ 26–40 ปี)
ปัญหาที่พบบ่อย : เหงือกร่นจากการแปรงฟันแรง, คราบชา/กาแฟ ฟันเหลือง ขาดความมั่นใจในการยิ้ม ปัจจัยจากความเครียด กัดฟันเวลานอน ปวดฟัน ฟันผุลึก ฟันแตก และ ปัญหากลิ่นปาก เนื่องจากขาดการดูแลที่เหมาะสม
คำแนะนำ : ควรพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน หรือ บ่อยขึ้น (3–4 เดือน) หากมีปัจจัยเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่ ดื่มกาแฟมาก หรือมีโรคในช่องปาก
3. วัยสูงอายุ หรือ วัยเกษียณ Baby Boomers (ช่วงอายุ 55 ปีขึ้นไป)
ปัญหาที่พบบ่อย : ฟันโยก หรือ ฟันหลุด โรคเหงือกเรื้อรังในผู้สูงอายุ (เหงือกอักเสบชนิดรุนแรง) อาการปากแห้งจากผลข้างเคียงของยา การใส่ฟันปลอม / ฝังรากฟันเทียม และปัญหาในการบดเคี้ยว เนื่องจากฟันไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม
คำแนะนำ : ควรตรวจสุขภาพช่องปากทุก 3 – 4 เดือน เพื่อป้องกันการสูญเสียฟันเพิ่มเติม และดูแลการใช้ฟันปลอม หรือ รากฟันเทียมให้มีประสิทธิภาพ
ทำไมต้องตรวจสุขภาพฟัน เป็นประจำ?
- เพื่อตรวจปัญหาสุขภาพทางช่องปาก ฟันผุ โรคเหงือก ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
- เพื่อขจัดคราบหินปูนที่แปรงฟันไม่สามารถขจัดได้
- เพื่อรับคำแนะนำส่วนบุคคลในการดูแลช่องปากให้มีสุขภาพที่ดี
- เพื่อลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ และเบาหวาน ที่เชื่อมโยงกับโรคในช่องปาก เพราะสุขภาพช่องปากมีผลต่อการอักเสบของร่างกายองค์รวม
ขั้นตอนการตรวจฟัน มีอะไรบ้าง
- ตรวจฟัน เหงือก และช่องปากของคุณ
- สอบถามปัญหาสุขภาพทั่วไป และปัญหาใดๆ ที่คุณอาจพบในช่องปาก ซึ่งเกี่ยวกับฟัน เหงือก หรือช่องปากของคุณ นับตั้งแต่หลังการพบหมอฟันครั้งล่าสุด
- คุณหมออาจจะสอบถามเพิ่มเติม และให้คำแนะนำ เกี่ยวกับการรับประทานอาหาร การสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงการทำความสะอาดฟันในทุกๆ วัน
- หากต้องทำการรักษาต่อเนื่อง คุณหมออาจจะทำการนัดวันตรวจในครั้งต่อไป
อีกทั้งเรายังมีบริการตรวจฟันสำหรับผู้สูงอายุ ดังนี้
- การตรวจสภาพฟัน และเหงือก
- การประเมินการทำงานของฟัน และการกัด
- การตรวจหาอาการของโรคฟันผุ และโรคเหงือก
- การตรวจสอบสภาพของฟันปลอม และการใช้งาน
- ปรึกษา/วางแผนการดูแลสุขภาพฟันโดยเฉพาะบุคคล
ข้อมูลเพิ่มเติ่ม : คู่มือสำหรับวัยเก๋า! ทันตกรรมผู้สูงอายุ เทคนิคดูแลสุขภาพฟันให้แข็งแรง (คลิก)


สุขภาพช่องปากดี = คุณภาพชีวิตที่ดี
สุขภาพเหงือกและฟันไม่ใช่เพียงเรื่องของรอยยิ้มสวย แต่ยังสะท้อนถึงสุขภาพโดยรวม เพราะการอักเสบเรื้อรังในช่องปากมีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ เบาหวาน และแม้กระทั่งภาวะสมองเสื่อมในบางรายงานวิจัย

คุณสมรัก
(ดารา/นักแสดง)

คุณแซนดี้
(The Voice Kids Thailand)

คุณอิสร์
(ศิลปินแกรมมี่ โกลด์)

คุณตี๋มายด์
(ดารา/นักแสดง)

คุณซี
(ดารา/นักแสดง)

คุณอ่ำ
(ดารา/นักแสดง)

คุณมาย
(ดารา/นักแสดง)

คุณวิชชุลดา
(สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ)
“เพื่อสุขภาพเหงือกที่แข็งแรงและฟันดีในทุกช่วงวัย”
นัดหมายตรวจสุขภาพช่องปากกับ Smile Signature ทุกสาขาใกล้บ้านคุณ
เคล็ดลับการดูแลสุขภาพช่องปาก
ถึงแม้ว่าแปรงฟันแล้ว แต่ก็ยังมีเศษอาหารติดในบริเวณซอกฟัน และบริเวณที่แปรงสีฟันไม่สามารถเข้าถึง “ไหมขัดฟัน” จึงเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยตอบโจทย์ในข้อนี้ได้เป็นอย่างดี

ขั้นตอนการใช้ไหมขัดฟัน By Smile Signature
ไหมขัดฟัน มีวิธีการใช้งานอย่างไรกันนะ?
- ใช้นิ้วหัวแม่มือ และนิ้วชี้จับไหมขัดฟันผ่านซอกฟันเบาๆ จนถึงขอบเหงือก
- โอบไหมรอบซี่ฟัน ดันเข้าร่องเหงือกแล้วเคลื่อนขึ้นลงเบาๆ ทำความสะอาดลักษณะเดียวกันจนครบทุกซอกฟัน
- ทำความสะอาดแบบเดียวกันนี้ที่ฟันกรามด้านหลัง
เพียงแค่ 3 ขั้นตอนง่ายๆ ก็จะช่วยให้ฟันของเรา ไม่มีเศษอาหารติดฟัน ทีเป็นสาเหตุของกลิ่นปาก อีกทั้งยังลดการเกิดคราบหินปูนที่ติดตามซอกฟัน ทางสไมล์ ซิกเนเจอร์ คลินิกทันตกรรม ขอแนะนำว่าให้ทำเป็นประจำ เพื่อสุขภาพเหงือกและฟันแข็งแรง

คำแนะนำเพิ่มเติม : เราควรแปรงฟันอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน เวลาเช้า และเย็น หรือหลังมื้ออาหาร และหลีกเลี่ยงของหวาน เครื่องดื่มประเภทคาเฟอีน พวกชา กาแฟ และงดสูบบุหรี่ ที่เป็นสาเหตุของอาการฟันเหลือง และก่อให้เกิดกลิ่นปากไม่พึงประสงค์
สรุป
สุขภาพเหงือกที่แข็งแรง คือ รากฐานของรอยยิ้มมั่นใจ และสุขภาพช่องปากที่ดีในระยะยาว การ “ตรวจฟัน” อย่างสม่ำเสมอคือหัวใจสำคัญในการป้องกันปัญหาเหงือก ฟันผุ และโรคในช่องปากต่าง ๆ โดยความถี่ในการพบทันตแพทย์ควรปรับให้เหมาะสมตามวัย พฤติกรรม และปัจจัยเสี่ยงของแต่ละบุคคล
และไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยใด การดูแลสุขภาพเหงือกและฟันให้เหมาะสม คือ การลงทุนเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคต
บริการตรวจฟันฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย / รับคำปรึกษาจากทันตแพทย์ Smile Signature ทำนัดง่าย ๆ
โทร : 083 095 0218 หรือ Line ID : @smilesignature
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตรวจฟัน :
- American Dental Association (ADA) : https://www.ada.org
- Journal of Dental Research : https://journals.sagepub.com/home/jdr
- กรมอนามัย กระทรวงสาธารณะสาธรณุสุข : https://www.anamai.moph.go.th
ปรึกษาทำรากฟันเทียมกับเรา Smile Signature

คลินิกทันตกรรม สไมล์ ซิกเนเจอร์ ทุกสาขาใกล้บ้านคุณ
โทร : 083 095 0218